วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พระยาโกษาปาน กับ หน่วยอาทมาต


พระยาโกษาปาน กับ หน่วยอาทมาต





หยง เมียงดง·4 ตุลาคม 2016
...ธงมหาพิชัยสงคราม... ............ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้ส่งเจ้าพระยาโกษาปาน 
ไปทำสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า “...........เมื่อเรือสำเภาอันจะเข้าสู่กรุงฝรั่งเศสนั้น จะต้องผ่านวังน้ำอันวนเชี่ยวใหญ่
เรือสินค้ามากมายถูกดูดลงสู่วังน้ำวน จมลงนับร้อย เรือสำเภาอันเจ้าพระยาโกษาปาน
ราชทูตโดยสารมานั้น จะถูกดูดเข้าวังวน ปะขาวอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาปาน
ได้ตั้งพิธีขึ้น ระลึกถึงพุทธานุภาพ ทำอาโปกสิณ บัดหนึ่งก็เกิดลมสลาตัน
ยกเรือสำเภาของพระยาโกษาปาน ข้ามผ่านวังน้ำวนนั้นไปเป็นที่อัศจรรย์

...........ในเวลาเที่ยง พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ทรงให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
แม่นปืนสองหมู่ หมู่หนึ่งชุดแต่งกายแดงร้อยคน หมู่หนึ่งชุดแต่งกายดำร้อยคน
ตั้งกองอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันสักสี่สิบห้าสิบวา ฝ่ายทหารชุดแต่งกายแดงทั้งร้อยคน
ยิงปืนไปยังหน่วยทหารแต่งกายดำ ลูกปืนเข้าสู่ลำกล้องของทหารแต่งกายดำ
ทั้งร้อยกระบอก พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินสยาม 
มีทหารแม่นปืนเช่นนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาโกษาปานตอบว่า ในเมืองสยาม
ไม่มีทหารแม่นปืน เหมือนเช่นในฝรั่งเศส เพราะอาวุธปืน 
ไม่อาจทำอันตรายทหารสยามได้ จึงไม่มีความจำเป็น ในการตั้งกองทหารปืน 
พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ จึงตรัสว่า มีเหตุเช่นนั้นจริงหรือ ? ..........เจ้าพระยาโกษาปานจึงกราบทูลตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้า 
จะขอแสดงให้ทอดพระเนตรในวันพรุ่ง โดยขอให้หน่วยทหาร ทั้งชุดแดงและชุดดำ เป็นผู้ยิงปืน” ...........ในวันรุ่งขึ้น ปะขาวได้ตั้งศาลเพียงตา แลวางสายสิญจน์รอบปักธงธวัชแล้ว 
ให้กลาสีเรือชายสยามทั้งร้อย เข้าไปอยู่ภายในวงรอบสายสิญจน์ มลฑลพิธี 
ภายนอกห่างไปสักยี่สิบวา ทหารชุดแต่งกายแดง และทหารชุดแต่งกายดำ
พร้อมปืนยืนรออยู่ เมื่อปะขาวผู้ทรงศีลให้สัญญาณ เจ้าพระยาโกษาปาน
จึงกราบทูลให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ รับสั่งให้ทหารปืนทั้งหมด เล็งยิงไปยัง
กลาสีเรือชายสยามทั้ง ๑๐๐ คนนั้น ........... ............เสียงปืน ๒๐๐ กระบอก ดังสนั่นหน้าพระที่นั่ง ควันปืนอบอวลคลุ้งกระจาย 
ลูกกระสุนปืนทั้ง ๒๐๐ นัด มิได้ระคาย แม้ชายเสื้อทหารสยามทั้งหลาย เป็นที่อัศจรรย์
พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงทรงตรัสถามเจ้าพระยาโกษาปานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มียอดทหารเช่นนี้อีกเท่าใด? เจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลตอบว่า “ชายสยามเหล่านี้ 
เป็นเพียงประชาชนชาวบ้านธรรมดาทั่วๆ ไป ที่เกณฑ์มาเป็นกลาสีเรือเท่านั้น 
ส่วนทหารของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้านั้น เยี่ยมยอดกว่านี้มากมาย
(ความจริงแล้ว กลาสีเรือทั้ง ๑๐๐ คนนี้ คือหน่วยอาทมาต ที่ได้ศึกษาวิชชาชาตรี
เจนจบในตำหรับพิชัยสงครามมาเป็นอย่างดีแล้ว) ............พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ตรัสสรรเสริญ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่ามีบารมี 
ที่มีทหารหาญ ที่แกร่งกล้าและคงทนแก่ศาสตราวุธ จึงสามารถรักษาประเทศสยาม
ให้เป็นเอกราชไว้ได้..........” ........ธงมหาพิชัยสงครามนี้จะเป็น ธงที่ใช้ในการออกรบในสมัยพระร่วงเจ้า 
ได้รับชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย.......... 
...........ภายในธง ประกอบด้วย 
พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก.......... ...........ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ 
เป็นการสรางความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด ........... ............ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ 
อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึงภควาติ........... ............เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ 
คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน............ ............ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10 วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ 
ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม
คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28 พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ 
เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30 ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือน
รัศมีแห่ง พระพุทธคุณ พระบารมี ที่แผ่กระจาย ปกคลุมผู่ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน.......... ...........กล่าวโดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลก
เป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึง
ไตรสรณะคมส์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10 ประการ 
เป็นทางแห่ง มรรคผล พระนิพพานในที่สุด........... ........... ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้า
ทั้ง 28 พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่า
วงกลมทั้ง 10 วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ
และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง
มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30 ทัศ 
บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ ........... ............ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจร
ทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร
เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10 ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจ
ของท่านทั้งหลายนั่นเอง ............ .............จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ 
เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง ............ .............สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว 
ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด. ............. .............หมายเหตุ : *
มะ อะ อุ - อุ อะ มะ - อะ มะ อุ * หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส 
ได้เมตตาเขียนไว้ดังนี้ ............. อะ - อรหัง สัมมาสัมพุทโธ อุ - อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา มะ - มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง ยอดธง พุท-ธะ-สัง-มิ ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ บนพานใต้เสาธง อะ สังอะ วิสังอะ สุวิสังอะ โลสุวิสังอะ ปุโลสุวิสังอะ สะปุโลสุวิสังอะ พุสะปุโลสุวิสังอะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ยันต์กลม1 ธา ลัง ถะ ตัง มะ ติ ตะ โน ยา กลมดำ2 ล้อมด้วย ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม แถวกลาง ปิ ติ โพติ อิ ติธา ติ สัพ ถอดพิศดารมากจาก อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม วงกลมแถว3 วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม กลมแถว4 กลมซ้าย จะ ติ ยา ลัง มะ นา ธา ตัง ตะ กลมขวา ชิ ติ ยา โส มะ เต เน นา ชิ อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น